ประสบการณ์ดีๆ จากคุณสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล

2
180

หลายสัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสฟังการบรรยายของคุณสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล ซึ่งได้รับเชิญเป็นวิทยากรของวิิชาที่ Strategic Management มาเล่าถึงประสบการณ์การทำงานหลายสิบปีที่ผ่านมา ทำให้ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายโดยเฉพาะเรื่องประสบการณ์การทำงานที่ยาวนานที่ถูกกลั่นกรองและเรียบเรียงจากวิทยากร นำมาเล่าสู่กันฟัง ในรูปแบบที่ฟังแล้วนำไปปฏิบัติได้เลย ไม่วิชาการจนเกินไป โดยสิ่งที่ได้เรียนรู้คือ อันดับแรกไม่ว่าทำงานที่ใดต้องหากลุ่มลูกน้องที่ไว้ใจได้ เปรียบเหมือนถ้าเราไม่มีรากฐานที่แข็งแกร่งแล้ว จะเป็นเรื่องยากมากที่เราจะก้าวไปให้ถึงจุดสูงสุด โดยที่เมื่อเจอกลุ่มลูกน้องที่ไว้ใจได้แล้วนั้น เราควรจะใช้ประสาทสัมผัสที่หก ในการทำงานกับลูกน้อง กล่าวคือต้องอ่านให้ออกว่ากลุ่มลูกน้องนั้นต้องการอะไร มีความสามารถทางด้านใด และเป็นคนอย่างไร ก่อนจะพูดหรือบอกข่าวอะไรให้ลูกน้องนั้นต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะว่าระดับแรงกระตุ้น (Motivation Level) ของคนนั้นขึ้นลงเร็วมาก เพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้ลูกน้องของเราอยากทำงานให้เราอย่างเต็มที่ ในทางตรงกันข้ามเพียงประโยคเดียวก็ทำลายกำลังใจในการทำงานของลูกน้องให้หมดไปในทันทีได้
 
ถัดมา ในสถานการณ์ที่ต้องไปประชุม หรือต่อรองเรื่องงานกับผู้อื่นเราควรมีการฝึกซ้อมทางความคิด (Role Rehearsal) โดยที่ลองคิดว่าถ้าเราเป็นเขาแล้วเจอคำถามแบบนี้ เราจะตอบคำถามอย่างไร เพื่อที่เราจะได้เตรียมคำถามที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์กับเรามากที่สุด

คุณสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล - ประธานของ บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด

คุณสมบุญถือเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำของบริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด

ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งการใช้หลักการตลาดในการดำเนินชีวิต กล่าวคือคนเราควรต้องมีการวางตำแหน่งของตัวเอง (Positioning) เพื่อให้คนรู้ถึงจุดยืนของเรา เพื่อที่เราสามารถครองจิต (Share of mind) และครองใจ (Share of heart) ทั้ง หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และลูกน้องให้ได้ นอกจากนี้ยังมองว่าคนเราก็เหมือนเป็นสินค้าที่ต้องมีการเปิดตัวสินค้าอย่างสม่ำเสมอ (Re-Launch) เพื่อเป็นการกระตุ้นการรับรู้
 
สุดท้ายในเรื่องของทักษะความสามารถในการทำงานนั้นมีสองสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยถ้าต้องการจะก้าวขึ้นไปบนจุดสูงสุดของการทำงาน คือทักษะในการนำเสนองาน (Presentation Skill) และ ทักษะในการต่อรอง (Negotiation Skill) กล่าวคือใครที่มีสองทักษะนี้ในระดับสุดยอดนั้นก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว ถ้าผสมผสานกับทักษะอื่นๆ ที่ตัวเองมีก็จะทำให้เราก้าวไปถึงจุดสุงสุดได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง ในขณะที่ถ้าใครมีความสามารถด้านอื่นๆ ดีหมดแต่ขาดสองทักษะนี้ ก็จะทำให้การก้าวไปข้างหน้าเป็นไปได้ช้า และอาจทำให้ไม่สามารถก้าวไปถึงจุดสูงสุดได้
 
โดยสรุปคือ ถ้าอยากจะก้าวขึ้นไปในจุดสุงสุดของการทำงานนั้นจำเป็นต้องมีลูกน้องที่ดีเป็นฐานที่แข็งแกร่ง ต้องอ่านใจคนออกและเตรียมตัวทุกครั้งก่อนนำเสนองานหรือต่อรองทางธุรกิจใดๆ รวมไปถึงการวางตำแหน่งของตัวเองให้ทุกคนได้รู้ถึงจุดแข็งของเรา ทำให้เมื่อใครก็ตามนึกถึงเรื่องที่เป็นจุดแข็งของเรานี้ ต้องนึกถึงเราเป็นคนแรก

2 COMMENTS

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here